รีวิว G-SHOCK RISEMAN DW-9100 ตำนาน “คนมีปีก” แห่งยุค 90 ที่สายวินเทจห้ามพลาด
ถ้าพูดถึง G-SHOCK สายลุยที่มีรูปทรงแปลก แต่คาแรกเตอร์ชัด ๆ ในยุค 90 ชื่อที่ต้องโผล่มาในลิสต์ต้น ๆ แน่นอนคือ G-SHOCK RISEMAN DW-9100 รุ่นที่มาพร้อมโลโก้ “คนมีปีก” อันเป็นเอกลักษณ์ หน้าจอเขียวไฟ EL สุดเท่ และฟังก์ชันวัดความสูง/ความดันที่ถือว่าล้ำมากในยุคนั้น
ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก DW-9100 แบบเต็ม ๆ ทั้งที่มา ดีไซน์ ฟังก์ชัน การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน รวมถึงมุมมองด้านการสะสมและราคาคร่าว ๆ สำหรับคนที่สนใจจะตามล่าตัวจริงเสียงจริงมาเข้ากรุครับ
ประวัติและที่มาของ G-SHOCK RISEMAN DW-9100
ช่วงกลาง–ปลายยุค 90 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ G-SHOCK เพราะ Casio เริ่มนำเซนเซอร์จริงจังมาใส่ในนาฬิกาข้อมือ จนเกิดเป็นตระกูล Master of G ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง เช่น Frogman สำหรับดำน้ำ, Mudman สำหรับสายลุยดินโคลน และ Riseman สำหรับคนที่ต้องขึ้นสู่ที่สูง ไม่ว่าจะเป็นนักปีนเขา นักสกี หรือนักผจญภัยแนวเอาต์ดอร์
DW-9100 Riseman ถือเป็นหนึ่งในรุ่นบุกเบิกของ G-SHOCK ที่ใช้ Twin Sensor โดยภายในใช้โมดูล 1664 สามารถวัดทั้งความสูงเหนือระดับน้ำทะเล (Altimeter) ความดันอากาศ (Barometer) และอุณหภูมิ (Thermometer) ได้ในเรือนเดียว ในยุคที่ GPS ยังไม่ใช่ของทั่วไป ฟังก์ชันแบบนี้ถือว่าล้ำมากสำหรับนาฬิกาดิจิตอลข้อมือ
ชื่อ “Riseman” แปลตรงตัวได้ประมาณว่า “ผู้ที่กำลังขึ้นสูง” สื่อถึงคนที่ท้าทายความสูงและสภาพอากาศบนภูเขา ซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านโลโก้คนมีปีกที่กลายเป็นสัญลักษณ์หลักของรุ่นนี้ไปโดยปริยาย
ดีไซน์ภายนอก: ดิบ แข็งแรง และเท่แบบยุค 90 ตัวจริง
เรือนที่รีวิวในบทความนี้เป็นโทนสีดำ–เทา ตัวหนังสือ G-SHOCK / PROTECTION บนตัวเรือนใช้สีเหลือง ให้ฟีลสปอร์ตยุคเก่าแบบ G-SHOCK แท้ ๆ ตัวเรือนออกแบบให้มี “หู” กันกระแทกยื่นขึ้นมาทั้งสี่มุม ช่วยปกป้องกระจกและตัวเรือนได้ดี และยังเป็นเอกลักษณ์สายลุยของ Master of G ในยุคนั้นด้วย
ด้านหลังมีฝาเหล็กสเตนเลสสตีลแบบขันสกรู 4 ตัว สลักโลโก้ คนกางปีก อยู่กลางฝาหลัง พร้อมคำว่า RISEMAN และระบุว่าเป็น WATER RESIST 20BAR ตามมาตรฐาน G-SHOCK ภาพสลักนี้แหละที่ทำให้ DW-9100 ดูมีเสน่ห์มากเวลาเปิดฝาหลังขึ้นมาดู เป็นดีเทลเล็ก ๆ ที่นักสะสมชอบกันมาก
ขนาดตัวเรือนถือว่าใหญ่ในมาตรฐานยุค 90 แต่ถ้าเทียบกับ G-SHOCK รุ่นใหม่ ๆ ปัจจุบันก็ไม่ได้ใหญ่เกินไป ใส่ข้อมือคนเอเชียได้กำลังสวย ให้ความรู้สึกแน่น ๆ หนักแน่น แต่ไม่เทอะทะเกินไป
หน้าจอ LCD และไฟ EL สีเขียวสะท้อนเสน่ห์ยุคคลาสสิก
จุดขายของรุ่นนี้อีกอย่างคือ หน้าจอ LCD แบบสองชั้น ด้านบนแสดงวันและวันที่ ส่วนด้านล่างแสดงเวลา และโลโก้คนมีปีกอยู่ตรงกลางจอ เมื่อกดไฟ Electro-Luminescent (EL) ทั้งหน้าจอจะเรืองแสงสีเขียวสดแบบเต็มแผง ทำให้โลโก้กลางจอยิ่งเด่นขึ้นไปอีก
ถ้าคุณเป็นคนชอบ G-SHOCK หน้าจอเขียว EL แบบยุค 90 DW-9100 คือหนึ่งในรุ่นที่ให้ฟีลนั้นได้ชัดมาก เหมาะกับการใส่กลางคืน หรือถ่ายรูปในห้องมืดแล้วเปิดไฟเล่นเท่ ๆ
ฟังก์ชันหลัก: Twin Sensor สำหรับสายขึ้นเขา
ถึงจะเป็นนาฬิกาวินเทจ แต่ฟังก์ชันของ DW-9100 ยังถือว่าใช้งานได้จริงในยุคนี้ โดยเฉพาะคนที่ชอบเดินป่า ขึ้นดอย หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดที่มีภูเขาเยอะ ๆ
1. Altimeter – วัดความสูงเหนือระดับน้ำทะเล
ตัวนาฬิกาสามารถประมาณค่าความสูงได้จากการเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศ แม้จะไม่ได้แม่นระดับเครื่องมือวิทยาศาสตร์ แต่ก็ช่วยให้รู้คร่าว ๆ ว่าตอนนี้เราอยู่สูงประมาณเท่าไหร่ เหมาะกับเวลาเดินขึ้นเขาเป็นชั้น ๆ หรือต้องการดูว่าเราขึ้นมาสูงจากจุดเริ่มต้นแค่ไหน
2. Barometer – วัดความดันอากาศและดูแนวโน้มสภาพอากาศ
การเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศช่วยให้พอเดาได้ว่าฝนมีแนวโน้มจะตกหรือไม่ ถ้าความดันลดลงอย่างรวดเร็วก็อาจเป็นสัญญาณว่าพายุหรือฝนกำลังมา ในยุคที่ยังไม่มีแอปพยากรณ์อากาศสะดวก ๆ ฟังก์ชันแบบนี้ถือว่ามีประโยชน์มาก
3. Thermometer – วัดอุณหภูมิ
นาฬิกาสามารถอ่านอุณหภูมิได้ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่เพื่อให้ค่าค่อนข้างเที่ยงตรง แนะนำให้ถอดออกจากข้อมือซักพัก เพราะความร้อนจากร่างกายมีผลต่อการวัดเหมือนกัน
4. ฟังก์ชันพื้นฐานอื่น ๆ
- กันน้ำลึก 200 เมตร ตามมาตรฐาน G-SHOCK
- โหมดจับเวลา (Stopwatch) ยาวถึง 24 ชั่วโมง
- โหมดบันทึก (Recorder) สำหรับเก็บข้อมูลการวัดแทนการมีเคาท์ดาวน์แบบรุ่นปกติ
- ตั้งปลุกได้หลายเวลา พร้อมสัญญาณเตือนต้นชั่วโมง
รวม ๆ แล้ว ถึงจะเป็นนาฬิกาหลายสิบปี แต่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบาย ทั้งใส่เที่ยว ใส่ทำงาน หรือออกทริปเดินป่าเบา ๆ
ประสบการณ์ใช้งานจริงบนข้อมือ
จุดที่หลายคนกังวลเวลาเล่น G-SHOCK ยุคเก่า คือกลัว “บอดี้เหนียว สายแตก” แต่ถ้าได้เรือนที่สภาพดี วัสดุยังไม่กรอบ DW-9100 จะให้สัมผัสที่ต่างจาก G-SHOCK ยุคใหม่พอสมควร คือมันให้ความรู้สึก “เครื่องมือจริง ๆ” ปุ่มกดยื่นออกมาชัด กดง่าย หน้าตาดูพร้อมลุยมากกว่าเน้นแฟชั่น
น้ำหนักบนข้อมือถือว่ากำลังดี ใส่นาน ๆ ไม่เมื่อย ขนาดไม่ใหญ่เท่า G-SHOCK ยุคปัจจุบันบางรุ่น จึงสวมกับข้อมือคนเอเชียได้สบาย ถ้าใครชอบนาฬิกาแนวทหาร/เอาต์ดอร์ แต่ไม่อยากได้เรือนใหญ่เกินไป Riseman DW-9100 ถือว่าตอบโจทย์
มุมมองนักสะสมและราคาปัจจุบัน
DW-9100 ถูกเลิกผลิตไปนานแล้ว และชื่อ Riseman ก็หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์พักใหญ่ ก่อนกลับมาอีกครั้งในยุคโซลาร์กับรุ่น GW-9200 ช่องว่างตรงนี้เองที่ทำให้ DW-9100 กลายเป็น ของหายาก ในสายตานักสะสม
ในตลาดต่างประเทศ ราคามือสองสภาพดีจะอยู่ราว ๆ หลายพันบาทขึ้นไป ขึ้นกับสีและสภาพบอดี้/สาย ส่วนในตลาดไทย ถ้าเป็นเรือนใช้งานทั่วไปไม่มีเซ็ตกล่อง ราคาที่เห็นกันบ่อย ๆ จะอยู่ประมาณหลักพันกลาง–ปลาย แต่ถ้าได้เรือนสภาพสวย จอสวย ไฟติด เซนเซอร์ยังใช้งานได้ มูลค่าก็จะขยับขึ้นทันที และสามารถเก็บเป็นคอลเลกชันระยะยาวได้แบบไม่ขาดทุนง่าย ๆ
ข้อดี–ข้อสังเกตของ G-SHOCK RISEMAN DW-9100
ข้อดี
- ดีไซน์ดิบ ๆ สไตล์ยุค 90 มีเอกลักษณ์มาก โดยเฉพาะโลโก้คนมีปีก
- เป็นหนึ่งในรุ่น Master of G ยุคแรก ๆ ที่มี Twin Sensor
- ฟังก์ชันวัดความสูง ความดัน และอุณหภูมิยังใช้งานได้จริงในปัจจุบัน
- หน้าจอเขียว EL สวยมาก เหมาะกับสายชอบ G-SHOCK วินเทจ
- มีคุณค่าด้านการสะสมสูง เพราะเลิกผลิตไปนานแล้ว
ข้อสังเกต
- อายุการใช้งานของบอดี้และสายขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา รุ่นเก่าอาจมีโอกาสเหนียวหรือแตกได้
- ความแม่นยำของเซนเซอร์อาจไม่เทียบเท่าอุปกรณ์ยุคใหม่ แต่เพียงพอสำหรับใช้งานทั่วไป
- ไม่มีฟังก์ชันโซลาร์หรือวิทยุปรับเวลาเหมือนรุ่นใหม่ ๆ
เหมาะกับใคร?
G-SHOCK RISEMAN DW-9100 เหมาะมากสำหรับ
- คนที่ชอบ G-SHOCK วินเทจยุค 90 และหน้าจอไฟ EL สีเขียว
- นักสะสมสาย Master of G ที่อยากเก็บรุ่นประวัติศาสตร์ไว้อย่างน้อยหนึ่งเรือน
- คนชอบแนวเอาต์ดอร์ เดินป่า ขึ้นดอย ที่อยากได้นาฬิกามีเซนเซอร์แบบดิบ ๆ
- คนที่เบื่อดีไซน์ G-SHOCK รุ่นใหม่ ๆ แล้วอยากได้เรือนที่มีเรื่องราวและคาแรกเตอร์ชัดเจน
สรุป: ตำนาน “คนมีปีก” ที่ยังน่าใส่ในปีนี้
แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปี แต่ G-SHOCK RISEMAN DW-9100 ก็ยังเป็นนาฬิกาที่ใส่แล้วรู้สึกถึง “วิญญาณ G-SHOCK แท้ ๆ” ทั้งดีไซน์ดิบ ๆ การป้องกันกระแทกที่จริงจัง เซนเซอร์ที่ใช้งานได้จริง และโลโก้คนมีปีกที่แทบไม่มีรุ่นไหนทำเลียนแบบได้ลงตัวเท่านี้อีกแล้ว
ถ้าคุณมี DW-9100 อยู่ในมือ ไม่ว่าจะใส่ใช้งาน หรือเก็บไว้บนชั้นโชว์ คุณกำลังถือหนึ่งในชิ้นส่วนประวัติศาสตร์สำคัญของโลก G-SHOCK เอาไว้เรียบร้อยแล้ว และถ้ายังไม่มี… อาจถึงเวลาลองออกตามหาตำนาน “คนมีปีก” มาประดับข้อมือซักเรือนก็ได้ครับ 😉





0 ความคิดเห็น