G-SHOCK |
เพื่อต้อนรับการเฉลิมฉลองครอบรอบ 40 ปีที่กำลังจะมาถึงในปี 2023 วันนี้ผมขอพาย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่เริ่มถือกำเนิดในปี 1983
ใครจะไปรู้ครับ ว่าความเสียใจ ความผิดหวัง จะกลับกลายเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
ที่ทำให้ 'คิคุโอะ อิเบะ' สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการนาฬิกาข้อมือเมื่อสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา และลุกลามบานปลายมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งทำให้คุณและผมกระเป๋าตังค์อักเสบกันทุกเดือน ด้วยยอดขายถล่มทลายครบพันล้านเรือนทั่วโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง
G-SHOCK นาฬิกาสุดแกร่งในปฐพี
นับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกในปี 1983 ในรุ่น DW-5000C จีช็อคก็ปฎิวัติข้อจำกัดการใช้งานของนาฬิกาข้อมือในยุคนั้นโดยสิ้นเชิงด้วย
คุณสมบัติกันแรงกระแทก (Shock) ที่นาฬิกาจักรกลในยุคนั้นทำไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ซึ่งต่อยอดมาจนถึงปัจจุปัน
G-SHOCK ให้ความสำคัญหลักกับโครงสร้าง, วัสดุ, ฟังก์ชั่น และดีไซน์
โครงสร้างพัฒนาสู่สุดยอดของความทนทาน
1983 |
1995 |
กรอบสายตัวเรือน กันโคลน กันฝุ่น (Mud-resistant)
2012 |
เสริมโครงสร้างด้วยอัลฟ่าเจล(Alpha Gel)ในตัวเรือนทำเพื่อดูดซับแรงและป้องกันการสั่นสะเทือนได้เหนือกว่าเดิม
2013 |
เสริมโครงสร้างหุ้มเคสอีก 1 ชั้นจากภายนอก (Core Guard Structure)
2014 |
ออกแบบเม็ดมะยมใหม่ (Clad Guard Structure) และเสริมด้วยอัลฟ่าเจล (Alpha Gel)
2017 |
เสริมเรซิ่นระหว่างขอบบาเซิลกับตัวเรือนด้านหน้าช่วยลดแรงกระแทก (Carbon Bezel)
2018 |
กรอบโลหะปั๊มขึ้นรูปพร้อมเรซิ่นกันกระแทกระหว่างกรอบกับตัวเรือน (Full-metal shock-resistant structure)
2019 |
ตัวถังและกรอบคาร์บอนไฟเบอร์ สุดแกร่งแต่มีน้ำหนักเบา (Carbon core guard structure)
2021 |
ดีไซน์สปริงบาร์ใหม่ สายสามาถรถอดเปลี่ยนได้ง่ายกว่าเดิม (Slide lever changeable band)
วัสดุที่พัฒนาเพื่อความสวยงาม และสู่ความทนทานที่แข็งแกร่ง
1983 |
กรอบสายผลิตจากยูรีเทนเรซิน ซึ่งมีน้ำหนักเบาออกแบบได้หลายรูปทรงและสีสัน (Urethane resin)
1996 |
ใช้วัสดุที่เป็นโลหะสามารถขึ้นรูปเป็นกรอบและสายได้ทั้งตัว (Full-metal Case)
1999 |
ผสมผสานทั้งโลหะและเรซิ่น เพิ่มความสวยงาม (Metal Twisted Design)
2010 |
ผลิตสายจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งแข็งแรงทนทานกว่าเรซิ่น (Carbon-fiber Insert Band)
2015 |
กรอบไททาเนี่ยม 64 ซึ่งมีความแข็งแรงมากกว่าไททาเนียมทั่วไปแต่ยังคงแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา (Titanium 64 Bezel)
2017 |
ผลิตขอบบาเซิลจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ได้สำเร็จ จากเทคโนโลยีที่คาสิโอพัฒนาขึ้น (Carbon Bezel)
2019 |
ผลิตตัวเรือนจากจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่แข็งแรงและน้ำหนักเบากว่าเดิม ผสมผสานกับวัสดุเรซิ่นเพื่อความสวยงามและคงทนกว่าเดิม (Carbon fiber reinforced resin case)
2020 |
ผลิตสายเรซิ่นที่พัฒนาขึ้น เรียกพลาสสติกชนิดนี้ว่าฟลูออโรอิลาสโตเมอร์ ทำให้สวมใส่สบายกว่าเดิมเพิ่มความกระชับ และทนทานต่อคราบสกปรกต่างๆจากการใช้งาน (Fluoroelastomer Band)
2021 |
โลหะผสมชนิดใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากไทเทเนียม ผิวแข็งและมันวาวเหมือนกระจก และสีสันที่หลากหลาย น้ำหนักเบา ทั้งยังแข็งแกร่งกว่าไทเทเนียมทั่วไป (Titanium Alloy)
2022 |
ช่วยลดโลกร้อนนำวัสดุมาจากธรรมชาติมาผลิตกรอบและสาย (Biomass plastic)
ฟังก์ชั่น
1992 |
เริ่มพัฒนาและติดเซ็นเซอร์ขนาดเล็กที่ทำให้นาฬิกาสามารถ วัดอุณหภูมิ ความสูง ความกดอากาศ (Sensor Technologies)
1994 |
ไฟพื้นหลังที่หน้าปัดอันโด่งดัง สวยงามและใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ (EL Backlight)
2002 |
ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (G-Shock Tough Solar) และปรับเวลาอัตโนมัติด้วยคลื่นวิทยุ (Radio-controlled)
2010 |
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิแคชัน (Smartphone Link)
2014 |
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกไปนี้ ที่สัญญาณดาวเทียมไปถึง นาฬิกาจะตั้งเวลาโดยอัตโนมัติ ณ ตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบัน พร้อมระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ถูกพัฒนาขึ้นกว่าเดิมอีกระดับ (GPS Hybrid Radio-controlled,Solar-powered Timekeeping*3)
2017 |
รวมฟังก์ชั่นการใช้งาน Bluetooth, GPS Hybrid Radio-controlled และ Solar-powered มาอยู่ในที่เดียวกัน
2022 |
ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และบูลธูทเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่เก่งกว่าเดิม
ดีไซน์
1983 |
เปิดตัว G-Shock ทรงเหลี่ยมสุดคลาสสิคตลอดกาล (Square Design)
1989 |
นาฬิกาสองระบบทั้งอะนาล็อก และ ดิจิตอล (Analog Design)
1993 |
ความตั้งใจที่จะออกแบบให้สวมใส่สบายขึ้น (Asymmetrical Design) แต่กลับออกมาเป็น G-Shock FrogMan จนถึงทุกวันนี้
1996 |
เริ่มใส่ตัวป้องกันกระจกจากการใช้งาน (Bumper Protector)
2010 |
ออกแบบหน้าปัดที่ซับซ้อนขึ้นดูมีมิติ รวมระบบทั้งเข็มและดิจิตอลให้ทำงานสอดคล้องกันมากขึ้น (3D Face Design)
2017 |
ออกแบบหน้าปัดเข็มล้วนเล่นระดับดูมีมิติแต่แฝงความคลาสสิค แต่ทำงานในระบบติจิตอล (Disc Dial Chronograph)
2019 |
ออกแบบสีโลหะด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า (Rainbow IP)
2021 |
นำเอาคาร์บอนไฟเบอร์มาออกแบบรวมกันได้หลากสีทำให้นาฬิกาดูไม่เหมือนเดิมในมุมมองที่แตกต่างกันสวยงามและสะดุตตา
ที่มา
https://gshock.casio.com/intl/40th/philosophy/
สนใจติดต่อเรา!
https://lin.ee/mCV4BI7
ID: @GshockMuesong
IG: @pairojsaelee
เบอร์โทรศัพย์ 064-865-4077
0 ความคิดเห็น